ประชาธรรม

โครงการที่กำลังทำสื่อสิ่งพิมพ์
ติดต่อเรา
หน้าแรก

/

บทความ

/

ถนนหรือขนส่งสาธารณะ เชียงใหม่เลือกอะไรก่อนดี

ข่าวเด่นฝุ่นไฟ Dialogue

ถนนหรือขนส่งสาธารณะ เชียงใหม่เลือกอะไรก่อนดี

เบญจา ศิลารักษ์

12 กันยายน 2568

อ่าน 3 นาที


ฟังบทความ

เมื่อการเติบโตของเมืองเชียงใหม่ที่มิได้จำกัดขอบเขตของความเป็น “เมือง” เพียงแค่สี่เหลี่ยมคูเมืองชั้นในและชั้นนอกได้อีกต่อไป เมืองมีการขยายตัวออกไปในแนวราบไปยังอำเภอใกล้เคียง เช่น หางดง สารภี สันป่าตอง สันทราย ดอยสะเก็ด แม่ริม คนจากหลายจังหวัดในภาคเหนือจำนวนไม่น้อยมาอยู่อาศัยและทำมาหากิน รวมไปถึงประชาชนจากภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย Destination ทั้งเรื่องของการศึกษา สุขภาพ การงาน อาชีพ การอยู่อาศัยในวัยเกษียณ แล้วยังรวมถึงการเป็นหมุดหมายปลายทางเรื่องการท่องเที่ยวอีกด้วยเพราะความเป็น destination หลาย ๆ เรื่องนี่เอง ทำให้เมืองเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 30 ปีมานี้ แต่สิ่งที่พัฒนาและตามไม่ทันกับการหลั่งไหลของผู้คนที่เขามาอยู่อาศัยคือระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเรื่องผังเมือง ถนน ไฟฟ้า ประปา อินเตอร์เน็ต บลาๆๆ ทำให้การพัฒนาของเมืองเชียงใหม่หลายๆ เรื่องยิ่งทำยิ่งเหมือนวัวพันหลัก ยิ่งแก้ก็ยิ่งพัน แก้ไม่ออกเสียที

แล้วก็ไม่แปลกใจที่เหตุการณ์ประมาณว่าเราขับรถตกหลุมบ่อในคูเมืองกลายเป็นเหตุการณ์ปกติประจำวัน เนื่องจากการเอาสายไฟฟ้าลงดินกำลังดำเนินการพร้อม ๆ กับผู้คนจำนวนมากที่ต้องขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าเมืองเพราะไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีรองรับ เรื่องราวเหล่านี้วนไปเหมือนไก่กับไข่ ไม่รู้ว่าอะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง เรื่อง “ถนน” กับ “ระบบขนส่งสาธารณะ” ก็เช่นกัน

ถนนแก้ปัญหาจราจร ต้องแลกกับอะไรบ้าง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมมีโครงการขยายถนนรอบ ๆ เมืองเชียงใหม่หลายเส้นทางมาก

โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบ 4 ตอนบน ถนนสายแยก ทล.1001 – ทล.1006

เช่น 1.โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบ 4 ตอนบน ถนนสายแยก ทล.1001 – ทล.1006 อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองเชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอแม่ริม อำเภอสันทราย อำเภอดอยสะเก็ด และอำเภอสันกำแพง และวงแหวนรอบ 4 ตอนล่าง ถนนสายแยก ทล.1006 – ทช.ชม.3035 จ.เชียงใหม่ เริ่มต้นที่อำเภอหางดง ผ่านอำเภอสารภี และไปสิ้นสุดที่อำเภอสันกำแพง เชื่อมกับตอนบนที่อำเภอดอยสะเก็ดมีระยะทางรวม 50 กิโลเมตร โดยวัตถุประสงค์โครงการเพื่อแก้ปัญหาการจราจรและรองรับการเติบโตของเมืองในอนาคต มีมูลค่า 5,000 ล้านบาท เชื่อมต่อ 6 อำเภอได้แก่หางดง สารภี สันกำแพง ดอยสะเก็ด สันทราย และแม่ริม ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการสำรวจและออกแบบ และยังอยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

2. โครงการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองแม่ริม (ตอนที่ 1) ระยะทาง 1.53 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน ในขณะที่ โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทช.ชม.3029 – แยก ทล.1006 อ.เมืองเชียงใหม่ – สันกำแพง ระยะทางรวม 16.324 กิโลเมตร ได้ดำเนินการเวนคืนที่ดินในส่วนแรก (3.365 กิโลเมตร) เสร็จสิ้นแล้ว และคาดว่าจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ภายในปี 2568 ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า  ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้รับจัดสรรงบประมาณ 185,261 ล้านบาท โดยเป็นการปรับลดงบประมาณลง 795 ล้านบาท มีความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่มีความชัดเจน โดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้เปิดเผยว่าโครงการถนนเลี่ยงเมืองแม่ริม และถนนเชื่อมเมืองเชียงใหม่-สันกำแพง กำลังอยู่ในขั้นตอนสำคัญของการดำเนินการ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการก่อสร้างภายใต้งบประมาณปี 2569

พื้นที่ศึกษาโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบรทางหลวงหมายเลข 121 ดอนแก้ว-เหมืองกุง

3. การปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 121 ดอนแก้ว-เหมืองกุง โดยระบุเหตุผลว่าในปัจจุบันบนทางหลวงหมายเลข 121 ตอนมีสภาพการจราจรหนาแน่นและมีจุดตัดกับทางหลวงหลายสาย โดยมีทางแยกที่มีการควบคุมด้วยสัญญาณไฟจราจรทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาวไม่สะดวกต่อการเดินทาง ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 121 จึงจำเป็นต้องมีการสำรวจและออกแบบปรับปรุงแก้ไขปัญหาการจราจรบนสายทางดังกล่าว และโครงข่ายทางหลวงใกล้เคียง เพื่อรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายทางหลวงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น

ขณะนี้มีการว่าจ้างบริษัทสำรวจและออกแบบรวมทั้งจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการแล้ว โดยระหว่างนี้ก็อยู่ในช่วงของการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเช่นกัน โดยพื้นที่ศึกษาโครงการฯ เริ่มต้นบริเวณจุดตัดทางแยกระหว่างทางหลวงหมายเลข 121 และทางหลวงหมายเลข 107 (แยกดอนแก้ว) กม.32+100 ถึงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณจุดตัดทางหลวง หมายเลข 108 กม.52+957 (แยกสะเมิง) ระยะทางรวมประมาณ 20.857 กม. ครอบคลุมพื้นที่  3 อำเภอ 5 ตำบล ได้แก่ ต.ช้างเผือก ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่, ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม และ ต.หนองควาย ต.สันผักหวาน อ.หางดง

สำหรับแนวคิดเบื้องต้นในการออกแบบโครงการ เนื่องจากแนวเส้นทางจากจุดเริ่มต้นถึงจุดสิ้นสุดโครงการมีทางแยกสำคัญ 14 จุด และมีทางแยก 3 คู่ (6 จุด) ที่มีระยะห่างระหว่างทางแยกน้อยเพียง 500 – 550 เมตร ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการพิจารณาปิดทางแยกบางจุด และปรับปรุงทางแยกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางบนแนวเส้นทางโครงการ

จะเห็นว่าวัตถุประสงค์โครงการก่อสร้างถนน รวมไปถึงการปรับปรุงถนนต่างๆ ที่เกิดในตอนนี้ มีข้อที่น่าสังเกตคือมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่ติดขัด และเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับคนที่มีรถยนต์สามารถเดินทางสู่ตัวเมืองให้เร็วที่สุด หากมองในมุมของคนที่อยู่รอบนอกเมืองเชียงใหม่ที่ไม่มีระบบขนส่งสาธารณะก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงใจ แต่มองในมุมที่ต่างออกไปการสร้างถนน หรือการเพิ่มประสิทธิภาพถนนด้วยการสร้างทางลอด ทางยกระดับไม่ใช่คำตอบของแก้ปัญหาจราจรที่ติดขัดเพียงคำตอบเดียว

แผนที่ผู้เสียชีวิตบนถนนทางหลวง 121 เส้นคันคลอง 10 ปีย้อนหลัง ข้อมูลจากเพจ Chiang Mai Urban Cyclist: ปั่นรถถีบในเชียงใหม่

เพจ Chiang Mai Urban Cyclist: ปั่นรถถีบในเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเพจสนับสนุนและผลักดันการเดินทางโดยจักรยานและขนส่งสาธารณะในตัวเมืองเชียงใหม่มีความเห็นต่อการปรับปรุงถนนในเมืองเชียงใหม่โดยนำข้อมูลมานำเสนอที่น่าสนใจคือถนนเส้น 121 หรือเส้นคันคลองในช่วง 10 ปีย้อนหลังพบว่าจากสถิติย้อนหลังผู้เสียชีวิต 100 คนบนถนนเส้นนี้ส่วนใหญ่คือผู้ขับรถจักรยานยนต์ พร้อมกับตั้งคำถามว่า “ถ้าจะปรับปรุงถนนเส้นนี้ เราควรให้น้ำหนักระหว่าง การจราจรที่คล่องตัวของคนที่อาศัยย่านนี้เป็นทางผ่าน หรือความปลอดภัยในชีวิตของคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ดี สองสิ่งนี้คือ trade-off ที่ต้องเลือก”

โดยเพจดังกล่าวได้ชี้ประเด็นสำคัญที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเพราะ “ความกว้างของถนน” และ “ความเร็วของยานพาหนะ” ถนนที่ใหญ่เกินไปและออกแบบโดยละเลยคนเดินเท้า คือเครื่องจักรที่ฆ่าคนและตัดขาดชุมชนออกจากกัน

ถนนกับ “การตัดขาดย่าน” และความสัมพันธ์ของชุมชน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อชุมชนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ รวมไปถึงมลพิษทางเสียง ฝุ่นจากการก่อสร้าง เช่นกรณีการร้องเรียนของชาวบ้านปากกอง อ.สารภีต่อกรณีการขยายถนนวงแหวนรอบ 4 ตอนล่าง เป็นเรื่องที่คนออกแบบสร้างถนน หรือการดำเนินโครงการใดๆ ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่า “ความกว้างของถนน และความเร็วของยานพาหนะ” ด้วยเช่นกัน  เพราะไม่เช่นนั้นเราก็จะพบว่าการที่ชุมชน ญาติพี่น้องยังต้องไปมาหาสู่กัน  จากที่เคยขี่จักรยานไปหากันเป็นเรื่องง่ายๆ ก็ไม่กล้าไป เพราะกลัวการข้ามถนน  การออกแบบจึงต้องคำนึงถึงคนใช้ถนนที่รอบด้าน ไม่เฉพาะรถยนต์เท่านั้น แต่คนที่ยังใช้จักรยาน มอเตอร์ไซด์ หรือแม้แต่คนเดินข้ามถนนก็ต้องปลอดภัยด้วย ยังไม่นับรวมเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบางจุดที่ไม่เคยท่วมที่ยังต้องออกแบบอย่างรอบด้านด้วยเช่นกัน

ตอนนี้เริ่มมีเสียงของชาวเชียงใหม่หลายกลุ่มที่ส่งเสียงเรียกร้องให้เชียงใหม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดี ๆ เสียที โดยกลุ่มที่เรียกร้องเรื่องระบบขนส่งสาธารณะมีความเห็นว่าเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ที่สมควรจะมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองได้ตั้งนานแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายที่ประชาชนต้องแบกรับจากการที่ไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ตอบโจทย์คือ ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมันรถ และบางกลุ่มที่ไม่สามารถหารถยนต์ส่วนตัวได้  คือกลุ่มคนยากจน ผู้สูงอายุ ผู้พิการก็จะเป็นกลุ่มคนที่สูญเสียโอกาสในหลาย ๆ เรื่องไปโดยปริยาย เพราะเมืองไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อรองรับคนอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม

ออกแบบขนส่งสาธารณะให้ใช้ได้จริง และตอบโจทย์

รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า (Lomo)

กลับมาที่การผลักดันเรื่องระบบขนส่งสาธารณะที่มีความพยายามผลักดันกันมาโดยตลอดมีทั้งภาคเอกชน อย่างรถ RTC รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า (Lomo) รถเมล์ขาวของเทศบาลที่เลิกทำไปแล้วเพราะขาดทุน และล่าสุดเป็นการผลักดันรถบัสอีวีของ อบจ.สาย 18 และ 20 ก็มาจากปัญหาเรื่องการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักโดยเฉพาะในเขตคูเมืองชั้นใน โดยฉพาะช่วงเวลาทำงาน ไปโรงเรียนและหลังเลิกงาน เลิกเรียน ยิ่งช่วง High season ที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมาสมทบ ก็ยิ่งทำให้ถนนในเชียงใหม่เป็นอัมพาต

กลุ่ม “ขนส่งสาธารณะเชียงใหม่ออกแบบได้”

มีความน่าแปลกใจที่แม้การจราจรมีปัญหา แต่คนเชียงใหม่กลับไม่ใช้รถขนส่งสาธารณะที่เคยทำๆ กันมา ซึ่งปรากฎว่ารถขนส่งสาธารณะที่ทำกันมา “ขาดทุน” ไม่มีคนขึ้น ที่ผ่านมากลุ่ม “ขนส่งสาธารณะเชียงใหม่ออกแบบได้” โดยโครงการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อส่งเสริมการมีขนส่งสาธารณะเมืองเชียงใหม่ ดำเนินการโดยโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) (ระยะที่ 2) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, สาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับภาคประชาสังคม พลเมืองชาวเชียงใหม่ ได้แก่ สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาพลเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายเชียงใหม่เขียวสวยหอม สภาองค์กรของผู้บริโภคจังหวัดเชียงใหม่ ThaiPBS มูลนิธิสื่อประชาธรรม มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ Chiang Mai Health Fund วาระเชียงใหม่ และสสส. มีการจัดเวทีระดมความเห็นของคนเชียงใหม่เพื่อสำรวจความเห็นของคนเชียงใหม่ว่าถ้าจะทำให้ระบบขนส่งสาธารณะใช้ได้จริง ต้องทำอะไรบ้าง ข้อมูลที่ได้จากเวทีระดมความเห็นเมื่อวันที่ 2 กย.ที่ผ่านมา คนเชียงใหม่ได้สะท้อนเสียงของตนเองที่น่าสนใจหลายประเด็น เช่น ถ้าจะมีรถขนส่งสาธารณะจริงจะต้องมีความถี่ในการมา เวลาที่น้อยที่สุดที่คนจะรอได้คือไม่เกิน 10 นาที ซึ่งที่ผ่านมารถขนส่งสาธารณะที่ทำ ๆ กันมา รอนานเกินไป  ส่วนช่วงเวลาที่คนอยากจะใช้มากที่สุดก็ตรงกับข้อเท็จจริงคือเวลาไปทำงาน ไปโรงเรียน และหลังเลิกงาน หลังโรงเรียน คือ 6 โมงเช้า และ 6 โมงเย็น แต่ขนส่งสาธารณะของเทศบาล (รถเมล์ขาว) ที่เคยทำกลับให้บริการไม่ตรงกับเวลาดังกล่าวกลับทำในเวลา 8 โมงเช้า เลิก 4 โมงเย็น เป็นต้น   

เส้นทางของรถขนส่งสาธารณะถ้าจะให้ใช้ได้จริงควรจะครอบคลุมการเดินทางให้มากที่สุด และควรจะมีระบบฟีดเดอร์ ที่ทำให้การเดินทางไม่สะดุด และคนรู้สึกไม่สะดวกในการเดินทาง เมื่อไม่สะดวกก็จะกลับไปที่ปัญหาเดิมคือขับรถยนต์ส่วนตัว ยังไม่นับรวมเรื่องป้ายรถเมล์ และจุดจอดรถที่ยังไม่มีการปรับปรุง เพราะบางจุดก็ร้าง และไม่มีแสงสวางเพียงพอ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้คนไม่อยากยืนรอรถ

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการออกแบบรถโดยสารสาธารณะด้วย Universal Design คือเป็นรถชานต่ำ ที่จะสามารถเอารถวีลแชร์ขึ้นได้ ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือกลุ่มที่ไม่สามารถขับขี่รถเอง สามารถขึ้นได้ ก็จะเป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่ทั่วถึงและเท่าเทียมจริง

ดังนั้น การผลักดันเรื่องขนส่งสาธารณะยังมีประเด็นที่ยังต้องทำไปพร้อม ๆ กับการมีรถขนส่งสาธารณะ คือการทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน มีข้อเสนอจาก ผศ.ดร ปรีดา พิชยาพันธ์ หัวหน้าโครงการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อส่งเสริมการมีขนส่งสาธารณะเมืองเชียงใหม่คือการทำให้ระบบขนส่งสาธารณะควรสร้างโครงข่ายเส้นทางที่เชื่อมต่อจุดสำคัญ เช่น สถานีโดยสาร ศูนย์การค้า โรงเรียน โรงพยาบาล และจุดเชื่อมต่อภายในเมืองและนอกเมือง เน้นการใช้รถ EV ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น ระบบ AI ระบบจอดรถอัจฉริยะ จุดจอดปลอดภัยและสะดวก รวมถึงการออกแบบสถานีจอดให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งาน

ส่วนการเชื่อมต่อและโครงข่ายรองรับ ต้องสร้างระบบเชื่อมต่อระหว่างโครงข่ายหลักและโครงข่ายเล็ก เช่น รถ Feeder ที่วิ่งเข้าสู่เส้นหลัก เพื่อรองรับการเดินทางจากชุมชนและพื้นที่ต่าง ๆ ระยะเวลารอรถและการเดินทางต้องถูกออกแบบให้เหมาะสมเพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกและพึงพอใจมากที่สุด

ยังมีโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจุดจอดรถ ทำยังไงไม่ให้ร้าง การทำบัสเลน ระบบตั๋ว ราคาตั๋วที่เหมาะสม ระบบแอพพลิเคชั่น ฯลฯ ที่ต้องมีการออกแบบเพื่อทำให้ระบบขนส่งสาธารณะมันใช้ได้จริง ๆ ทำให้คนเชียงใหม่ไม่กลับไปหาความเคยชินด้วยหารถยนต์ แล้วก็กลับไปสู่การเพิ่มพื้นที่ถนนอีก ก็ดูเหมือนต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง

แต่ก็ไม่อยากให้คนเชียงใหม่ถอดใจ หากจะสูดดมกลิ่นความเจริญ.


แชร์บทความ

🔊อ่านให้ฟัง
ประชาธรรม

สื่อ ประชาธรรม ประชาทำ

77/1 หมู่ 5 ต.สุเทพ อ.เมืองจ.เชียงใหม่ 50200

เกี่ยวกับมูลนิธิ

เกี่ยวกับเราช่องทางติดต่อเรา

© 2025 ประชาธรรม

FacebookTwitterInstagramTikTokYouTube