ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประชาธรรม

โครงการที่กำลังทำสื่อสิ่งพิมพ์
ติดต่อเรา
หน้าแรก

/

บทความ

/

ชวนมองฝุ่นในเมืองจากนักเคมี ว่าน วิริยา ฝุ่นมลพิษในเมือง มีมากกว่า “PM2.5”

ข่าวเด่นฝุ่นไฟ Dialogue

ชวนมองฝุ่นในเมืองจากนักเคมี ว่าน วิริยา ฝุ่นมลพิษในเมือง มีมากกว่า “PM2.5”

สัมภาษณ์/เรียบเรียง เบญจา ศิลารักษ์

18 ธันวาคม 2568

อ่าน 2 นาที


ฟังบทความ

สัมภาษณ์/เรียบเรียง เบญจา ศิลารักษ์

“เมื่อมีฝุ่นชนิดต่างๆ ที่ล่องลอยในอากาศ  เราไม่อาจบอกได้ว่าเราจะสูดอะไรเข้าไป เพราะจริงๆ เมื่อพูดถึงมลพิษทางอากาศไม่ได้มีเฉพาะฝุ่น PM2.5  ยังมีฝุ่นมลพิษอีกหลายตัวที่ถูกมองข้ามไป เช่น โอโซน คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์   ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เยอะแยะไปหมด”   ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ และผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (ESRC) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้ความเห็นต่อการมองปัญหามลพิษทางอากาศภาคเมืองที่เรามีข้อสงสัยกันว่ามลพิษภาคเมืองมาจากที่ไหนบ้าง  และเราจะดูแลป้องกันตัวเอง รวมถึงลดความเสี่ยงได้อย่างไร

อ.ว่านยังคิดว่าที่ผ่านมาการสื่อสารในฤดูฝุ่นมักจะเป็นการสื่อสารเพียงแค่ “PM2.5”  หรือฝุ่นพิษขนาดจิ๋ว สะท้อนผ่านค่าดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI  สูงสุดมานำเสนอต่อสังคม แต่ค่า AQI นั้น หลักการที่ถูกต้องคือ การคำนวนค่ามลพิษทางอากาศหลัก 5 ชนิด ได้แก่ โอโซนภาคพื้นดิน, PM2.5, PM10, คาร์บอนมอนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนไดอออกไซด์ อันมีแหล่งกำเนิดจากการเผาไหม้ เช่น จากภาคคมนาคม โรงงาน โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเผาในที่โล่ง และกิจกรรมอื่น เช่น การซ่อมถนน การก่อสร้าง และอื่นๆ ซึ่งหากเครื่องวัดไม่ได้นำค่ามลพิษทางอากาศอื่นมาประเมิน เราจะไม่มีวันทราบถึงค่าดัชนีคุณภาพอากาศที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เมืองซึ่งมีที่มาของมลพิษทางอากาศหลากหลาย อ.ว่านกล่าวว่า “ความจริงแล้วเมื่อเราสูดอากาศหนึ่งรอบเราไม่ได้สูดเพียงตัวเดียว  ดังนั้นในการคิดมลพิษทางอากาศจะใช้ตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้  ถือเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้เราไม่สามารถมองปัญหาข้อเท็จจริงของมลพิษทางอากาศในเมืองได้อย่างแท้จริง”

ภาพ 1: การรายงานค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของกรมควบคุมมลพิษที่ไม่ได้แสดงหรือนำค่ามลพิษหลักอื่นใน AQI มาคำนวนและรายงานค่าคุณภาพอากาศ (ภาพตัวอย่างจากสถานีที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่
ภาพ 2: ารรายงานค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของกรมควบคุมมลพิษที่นำค่ามลพิษหลักอื่นใน AQI มาคำนวนและรายงานค่าคุณภาพอากาศ ซึ่งจะสามารถแจ้งคุณภาพอากาศที่สะท้อนค่ามลพิษได้อย่างครอบคลุม (ภาพตัวอย่างจากสถานีที่สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จังหวัดระยอง)

ฝุ่นมลพิษในเมือง และแหล่งกำเนิดมลพิษ

อ.ว่านให้ความเห็นว่าเวลาเราพูดถึงมลพิษทางอากาศ ไม่ได้มีเฉพาะ PM2.5 ยังมีอีกหลายตัวที่ถูกมองข้ามไป เช่น  PM10 โอโซน คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไนโตรเจน ไดออกไซด์   ซัลเฟอร์ไดออกไซด์   VoCs  (Volatile Organic Compounds (สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย) ที่มีแหล่งกำเนิดเช่น ปั๊มน้ำมัน และก๊าซฟอสซิลที่มีการผลิตทั้งปี และอื่นๆที่จะส่งผลต่อระบบการหายใจ   ปัจจุบันการตรวจหาสารเคมีชนิดนี้ยังไม่มีการตรวจมาตรฐานทั่วประเทศ  มีแค่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่เดียวที่มีการตรวจ

การเกิดฝุ่นมลพิษที่มาจากกระบวนการเผาไหม้ทุกอย่างแต่ยังไม่ได้ถูกใส่ใจเท่าที่ควร โดยเฉพาะสาร Acrylonitrile หรือสารประกอบอินทรีย์ที่มาจากพลาสติก ค่อนข้างสูง  และยังไม่ค่อยมีใครสำรวจ ซึ่งอยู่ในกระบวนการปล่อยน้ำเสีย โรงงานอุตสาหกรรมในเขตเมือง และการจราจร 

ฉะนั้นการมองฝุ่นมลพิษภาคเมือง อ.ว่านจึงเห็นว่าไม่สามารถจะมองเพียงแค่ 4 เดือนในฤดูฝุ่น “เพราะชีวิตเราไม่ได้อยู่แค่สี่เดือน”  แต่จะต้องดูค่าฝุ่นตลอดทั้งปีที่มาจากหลายแหล่งกำเนิด   ก็จะพบความจริงว่าคนในเมืองต้องเผชิญกับปัญหามลพิษที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจมีทั้งที่เกิดจากการจราจร  กิจกรรมในครัวเรือน  ภาคอุตสาหกรรม   และการเผาชีวมวล

เกิดจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างมลพิษปฐมภูมิ (เช่น NOx, SO2, VOCs) ในบรรยากาศ ก็ทำให้เกิดฝุ่นตัวใหม่ขึ้น เช่น ฝุ่นที่ลอยในชั้นบรรยากาศเมื่อเดินทางมาเจอสารเคมีที่ตัวไหนที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศ  ก็สามารถเกิดฝุ่นตัวใหม่ขึ้น ซึ่งเราไม่มีทางรู้ว่าเป็นอะไรที่เราสูดดมเข้าไปและส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของเราอย่างไร  ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิจัยต่อในเรื่องนี้  ที่เรียกกันว่า “ฝุ่นทุติยภูมิ” คือ การที่สาร 2 ตัวมารวมกัน เช่น สารโลหะหนักกับกลุ่มสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs)ที่มาก็มีทั้ง การเผาไหม้เชื้อเพลง ไอเสียจากโรงงานและรถยนต์ หรือกระทั่งใช้ถ่านทำอาหาร   แอมโมเนียมที่มาจากปุ๋ย ของเสียงจากคน และสัตว์   โปรเตสเซียม จากการเผาไหม้ชีวมวล 

นอกจากนี้อุณหภูมิการเผาที่ต่างกัน ก็ให้ขนาดที่ต่างกัน และระยะทางที่ต่างกันก็มีการสะสมฝุ่นจนขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่นข้ามแดน เป็นต้น

ลดฝุ่น ลดผลกระทบอย่างไร

เมื่อพูดถึงการลดผลกระทบของฝุ่นมลพิษในภาคเมืองยังต้องมีงานศึกษาวิจัยโดยละเอียดเพราะ  “แต่ละปี เรากินอาหาร เราอ้วนเท่ากันไหม เรากินต่างกัน ดังนั้นปริมาณที่สะสมในร่างกายก็ต่างกัน  เช่นเดียวกับปัญหาฝุ่น” อ.ว่านเปรียบเทียบเรื่องฝุ่นที่เกิดขึ้นนั้นมีความแตกต่างกัน  ปริมาณไม่เท่ากันในแต่ละปีเพราะยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพอากาศ และอุณหภูมิของแต่ละปี  เราจึงไม่สามารถนำข้อมูลแต่ละปีที่ต่างกันที่มาจากเหตุปัจจัยที่ต่างกันมาแก้ไขปัญหาฝุ่นได้ ดังนั้นถ้าเรามีบัญชีการปลดปล่อยมลพิษ(Emission Inventory ภายใต้พ.ร.บ.-PRTR)  ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแบ่ง sector แหล่งที่มาได้ ไม่ใช่เพียงการประมาณ   นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลที่เฉพาะศูนย์กลางในเมืองเชียงใหม่อย่างเดียวก็ไม่ได้   ยังต้องมีการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลที่อำเภออื่นๆ เช่น ฝาง แม่อาย  ฯลฯ  จึงสะท้อนคุณภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ได้ นอกจากนี้เรื่องฝุ่นยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการ flow ของอากาศด้วย 

การเตรียมตัว และมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบคือ  ประชาชนต้องป้องกันตัวเอง ลดปริมาณเชื้อเพลิงในการคมนาคมลง และทำให้เป็น routine  มากขึ้น และกิจกรรมทุกส่วนในเมืองมีผลต่อปัญหาฝุ่นหมด  แม้แต่กิจกรรมปิ้งย่าง แม้จะเป็นส่วนก่อเพียง 1-2% แต่ถ้าลดได้ในวันค่ามลพิษสูงก็มีส่วนเยอะ รวมถึงการเผาในที่โล่ง และการเผาอื่นๆ ต้องมีการจัดการ โดยเฉพาะการเผาที่ไม่ได้มีการคัดแยกขยะ การเผารวมขยะพลาสติกกับใบไม้  อันตรายอย่างมากสำหรับคนที่ต้องสูดดม  แต่วัฒนธรรมบ้านเรายังไม่มีวัฒนธรรมของการคัดแยกขยะ แม้จะแยกในตอนแรก สุดท้ายก็นำมาเผารวมกันเป็นต้น

นอกจากนี้ปัจจุบันสภาพภูมิอากาศไม่เหมือนเดิม  เราจึงไม่อาจจะมองกระบวนการแบบเดิม แผนการจัดการมลพิษต้องครอบคลุมรายละเอียดมากขึ้น   ข้อเสียของประเทศไทยคือ คนที่กำหนดนโยบายไม่ใช่คนที่ทำจริง  ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริง  

ข้อเสนอระยะยาว อ.ว่านเห็นว่าถ้าจะแก้ได้จริงๆ จะต้องมีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาจากการเลือกตั้ง   นอกจากนี้ระบบการทำงานต้องเป็นการส่งต่อข้อมูลเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้จริง ส่วนกลางและท้องถิ่นจะต้องเป็นองคาพยพเดียวกัน สามารถจะนำข้อมูลจากพื้นที่ไปสู่การกำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาได้จริง ผลักดันให้เกิด open source data ที่เปิดเผยให้ประชาชนรับรู้และย่อยให้ประชาชนและหน่วยงานต่างๆรับรู้ตรงกัน รวมถึงต้องมีบัญชีการปลดปล่อยมลพิษ ภายใต้ระบบรายงานการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR) ที่ต้องแยกตามประเภทการผลิต เนื่องจากสารพิษไม่เท่ากัน.


แชร์บทความ

🔊

อ่านให้ฟัง

ประชาธรรม

สื่อ ประชาธรรม ประชาทำ

77/1 หมู่ 5 ต.สุเทพ อ.เมืองจ.เชียงใหม่ 50200

เกี่ยวกับมูลนิธิ

เกี่ยวกับเราช่องทางติดต่อเรา

© 2025 ประชาธรรม

FacebookTwitterInstagramTikTokYouTube