ประชาธรรม

โครงการที่กำลังทำสื่อสิ่งพิมพ์
ติดต่อเรา
หน้าแรก

/

บทความ

/

สมัชชาป่าชุมชนยื่นข้อเสนอปฏิรูปกม.แก้ปัญหาดิน น้ำ ป่า

ข่าวเด่นฝุ่นไฟ Dialogue

สมัชชาป่าชุมชนยื่นข้อเสนอปฏิรูปกม.แก้ปัญหาดิน น้ำ ป่า

กองบรรณาธิการประชาธรรม

29 ตุลาคม 2568

อ่าน 1 นาที


ฟังบทความ

เมื่อวันที่ 26-28 ตุลาคม เวทีสมัชชาป่าชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ครั้งที่ 5 ณ เทศบาลตำบลท่าผา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่สมาคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภาคเหนือ ร่วมกับ เครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดเชียงใหม่  คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดเชียงใหม่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม เครือข่ายป่าชุมชนอำเภอแม่แจ่ม และหน่วยงานภาคีต่างๆ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “สมัชชาเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ครั้งที่ 5 สานพลังเครือข่ายให้งอกงาม”

โดยในเวทีดังกล่าวมีผู้นำชุมชนจากเครือข่ายป่าชุมชนจากหลายพื้นที่อาทิ อ.แม่แจ่ม แม่วาง อมก๋อย จอมทองทอง เชียงดาว เวียงแหง สะเมิง และแม่ออน อปท.ภาคประชาสังคม และหน่วยงานป่าไม้ทั้งในพื้นที่และระดับจังหวัดมาร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจในสาระของกฎหมายป่าชุมชน และนโยบายที่ดินที่เกี่ยวข้อง และยังได้แลกเปลี่ยนประเด็นสำคัญหลายประเด็นเช่น บทเรียนของการจัดการป่าชุมชนกับปัญหาไฟป่า บทเรียนการพัฒนาอาชีพ เศรษฐกิจสีเขียว ระบบเกษตรมูลค่าสูง ระบบและศูนย์ข้อมูลเพื่อการขับเคลื่อนการจัดการดิน น้ำ ป่า คุณภาพชีวิต และกลุ่มชาติพันธุ์ และบทเรียนการจัดสิทธิที่ทำกินแบบ คทช. และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

บทเรียนที่เกี่ยวกับการจัดการป่าชุมชนกับการจัดการไฟป่า ชุมชนได้สะท้อนบทเรียนที่น่าสนใจในเวทีดังกล่าวว่าเนื่องจากปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง และบางครั้งข้ามเขตแดนจากพื้นที่ไฟที่ไม่มีเจ้าของยังเขตแดนที่ชุมชนดูแลรักษาอยู่ ทำให้ชุมชนต้องทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น โดยการขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนตามกฎหมายป่าชุมชนนั้นยังมีข้อจำกัดเพราะไม่ครอบคลุมพื้นที่ป่าที่ชุมชนดูแลทั้งหมดได้

ณรงค์เดช บุญมาอูป กำนันตำบลแม่ทา อ.แม่ออน เชียงใหม่ตำบลแม่ทากล่าวว่าบ้านตนเองคือบ้านค้อกลางบ้านเราดูแลเกือบ 30,000 ไร่ แต่เราขอขึ้นทะเบียนได้แค่ 4,900 ไร่ ถ้าเราไม่ขึ้นทะเบียนเราก็เสียประโยชน์ ดังนั้นทางชุมชนจึงมีความพยายามทีจะขยายการขึ้นทะเบียนดังกล่าวโดยเร็วเพื่อแก้ปัญหารการจัดการดูแลป่า ทำให้ชุมชนมีความมั่นใจและไม่กังวลเวลาที่ต้องไปบริหารจัดการดูแลป่า

“ช่วงฤดูไฟเราต้องไปทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันไฟ เดินทางไปจนถึงเขตติดต่อ จ.ลำปาง เราก็ต้องไปและนอนค้างคืน เพราะป่าบ้านเราอยู่ในไข่แดง ถ้าไฟไหมพื้นที่รอบ ๆ ก็เข้าบ้านเราอยู่ดี” กำนันณรงค์เดชสะท้อนปัญหา

วิชัย กิจมี ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่าในแต่ละปี กรมป่าไม้มีงบประมาณให้ สำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เพียงแค่ 25 หมู่บ้าน (ป่า) ปีที่ผ่านมามีชุมชนเสนอเข้ามาเพื่อดำเนินการจัดการป่าชุมชนเยอะมากเฉพาะที่อ.แม่แจ่มก็ร่วม 40 ชุมชนแล้ว ซึ่งการดำเนินการมีหลายขั้นตอนใช้เวลาประมาณ 6 เดือน รวมส่งไปยังสำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 กรมป่าไม้จะมารังวัดขอบเขตพื้นที่อยู่ในเขตป่าอะไร ป่าอนุรักษ์ไม่สามารถอนุมัติให้ได้ หรืออยู่ในพื้นที่ของการใช้ประโยชน์รัฐก็ต้องกันออก จะอนุมัติเฉพาะในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484

“เราทำไม่ทันต่อความต้องการที่ชาวบ้านต้องการจัดการป่าชุมชน” ผมมีข้อเสนอว่าความจริงแล้วชาวบ้านดูแลกันดูแลอยู่แล้ว อาจจะต้องดำเนินการกันไปก่อนและยื่นเรื่องรอไว้ ทางหน่วยงานรัฐเองก็ต้องแก้ไขกฎระเบียบที่ทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานเร็วขึ้น 

นอกเหนือจากเรื่องสิทธิในการจัดการป่าชุมชนแล้ว ในเวทีดังกล่าวยังได้พูดถึงปัญหาสำคัญของประชาชนในเขตป่าคือเรื่องความมั่นคงในเรื่องที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยที่มีการต่อสู้มายาวนาน จนปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบาย คทช. (คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) ที่รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการนี้ขึ้นมาเพื่อจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประชาชนอยู่อาศัยและทำกินในเขตป่าก่อนมีการประกาศเขตป่าไม้ถาวรหรือพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์มาก่อนแต่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทั้งนี้ ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่มถือเป็นพื้นที่นำร่องที่ชุมชนเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยจะได้รับอนุญาตให้สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย เกิดความมั่นคงในที่ดินได้ระดับหนึ่งเพราะไม่ต้องกลัวว่าจะถูกไล่รื้อ แต่ยังประสบปัญหาคือประชาชนที่ได้รับการจัดการที่ดินยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์ (โฉนด) แต่จะได้ในรูปแบบ “หนังสืออนุญาตให้ใช้พื้นที่”  

ชุมชนได้สะท้อนว่าแม้จะได้ประโยชน์ในแง่ของการขยายเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่นเรื่องของน้ำทำการเกษตร และในเรื่องของการพัฒนาเรื่องการส่งเสริมอาชีพและรายได้ประชาชนสามารถปลูกพืชเศรษฐกิจ และทำการท่องเที่ยวชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีปัญหาอุปสรรคคือ 1.รูปแบบสมุดประจำตัวยังขาดรายละเอียดสำคัญ เช่นภาพถ่ายทางอากาศแสดงแปลงพิกัด แปลงที่ดินรอบข้าง และการแบ่งแปลงจำแนกตามกลุ่มทำให้ที่ดินถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆ ชาวบ้าน 1 ครอบครัวจะมีสมุดจดทะเบียนหลายเล่ม 2.กรณีพื้นที่ตกหล่นจากการสำรวจ และพื้นที่ทำกินที่มีลักษณะเป็นสวนเมี่ยง ไร่ชา ไร่หมุนเวียน วนเกษตรยังไม่มรแนวทางกลั่นกรองและแยกแยะปัญหาและการจัดทำกรอบแนวทางการรับรองขอบเขต รูปแบบการจัดการร่วม 3.ขั้นตอนและระเบียบการอนุญาตตัดไม้ในพื้นที่ คทช.ยังไม่สอดคล้องกับรายย่อย ไม่สามารถแรงจูงใจในการทำการทำวนเกษตรและป่าเศรษฐกิจได้เท่าที่ควร 4.การตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ที่ระบุว่ามีการทำกินหลังปี 2557 ขาดการออกแบบเครื่องมือและกลไกการตรวจสอบข้อมูลและแต่งตั้งคณะทำงานที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการจัดตั้งศูนย์สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ระดับอำเภอ และตำบลเพื่อจัดการข้อมูลร่วมกัน เป็นต้น

ในเวทีดังกล่าวสมัชชาป่าชุมชนจากอำเภอแม่วาง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอจอมทอง อำเภออมก๋อย อำเภอสะเมิง อำเภอแม่ออน อำเภอเชียงดาว และอำเภอเวียงแหง ได้มีการยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า ได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรียกร้องต่อประธานกรรมการคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในการกำหนดพื้นที่และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายป่าอนุรักษ์ เพื่อเร่งกระบวนการในการออกกฎกระทรวงดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับนี้ได้เลยกำหนดระยะเวลาในการออกประกาศใช้มายาวนานแล้ว ซึ่งได้ทำให้หลายชุมชนเสียโอกาสในการเข้าถึงสิทธิในการจัดการป่าชุมชนตาม พ.ร.บ.ป่าชุมชน 2562 โดยเฉพาะพื้นที่ป่าชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เตรียมการประกาศเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ซึ่งเราต้องติดตามว่า “นิยามและการกำหนดพื้นที่” ของป่าชุมชน จะถูกขยายตามความต้องการของชุมชนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อชุมชนหรือไม่หลังจากนี้.


แชร์บทความ

🔊อ่านให้ฟัง
ประชาธรรม

สื่อ ประชาธรรม ประชาทำ

77/1 หมู่ 5 ต.สุเทพ อ.เมืองจ.เชียงใหม่ 50200

เกี่ยวกับมูลนิธิ

เกี่ยวกับเราช่องทางติดต่อเรา

© 2025 ประชาธรรม

FacebookTwitterInstagramTikTokYouTube